วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

กำลังใจจากตัวเอง...


เดินเพียงลำพังอยู่กลางทะเลหมอก

รอบกายไม่มีแม้แต่ดวงไฟที่คอยนำทาง

ฉันรู้สึกหนาวเย็นจับใจ รอบกายดูมืดมน
ตั้งแต่เธอเดินไปจากฉัน

ไม่ว่าฉันจะฉุดรั้งเธอยังไง

ฉันก็ไม่สามารถยืดเวลาความรักของเราไว้ได้

ในเมื่อเธอต้องการจะไป

ฉันก็ต้องยอมปล่อยให้เธอไป

เพราะฉันหมดแรงที่จะรั้งเธออีกต่อไป
ความสุขที่ฉันเคยมี มันได้ตายไปจากชีวิตของฉัน

ตอนนี้มีแต่ความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิตในช่วงนี้

ฉันหมดความหวังที่จะอยู่อีกต่อไป

หมดกำลังใจที่จะต่อสู้

เมื่อฉันจบสิ้นความรักระหว่างเรา

ฉันรู้สึกว่า... ความฝันของฉันมันได้จบสิ้นไปตรงนั้น
ฉันเดินอยู่เพียงลำพัง

ฉันต้องเริ่มนับตั้งแต่ศูนย์ใหม่อีกครั้ง

ฉันพยายามเดินหาดวงไฟเพื่อเป็นกำลังใจ

เพื่อทำให้ฉันเห็นทางที่จะเดินต่อข้างหน้า
ในตอนนี้ ... ฉันได้พบเจอกับดวงไฟดวงนั้นแล้ว

มันลุกสว่างอยู่ในใจของฉัน

มันคือ... กำลังใจจากตัวฉันเอง
ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่า กำลังใจจากตัวเองนั้น

จะมีความหมายสำหรับตัวฉันมากถึงเพียงนี้

แต่ก่อนฉันไม่ได้ให้ตัวเองเลย

แต่ฉันกลับเอาไปให้คนที่ไม่มีค่าพอ

ที่จะรับรู้ถึงกำลังใจของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อฉันรู้แล้วว่า

กำลังใจจากตัวเองมีค่ามากขนาดไหน

ฉันจะเก็บเอาไว้ให้ดี เพื่อให้กับคนที่มีค่าพอ


ที่จะถนอมนํ้าใจฉันไว้
ฉันไม่ได้เดินเเพียงลำพังอีกแล้ว

ฉันได้พบว่า... กำลังใจจากตัวเอง

ทำให้ฉันมีความหวังขึ้นมาใหม่... อีกครั้งหนึ่ง

กลวิธีคลายเหงา



เหงา... ความรู้สึกที่หลายๆ คนเคยผ่านพบ หากเรารู้สึกเหงาบ้างเป็นบางครั้งบางเวลาก็เป็นเรื่องปกติของบางช่วงบางอารมณ์ แต่หากรู้สึกตัวเองว่าเป็นคนขี้เหงา ตลอดเวลาอยู่ตามลำพังคนเดียวไม่ได้จะต้องหาเพื่อน ต้องมีคนแวดล้อมมากๆหากต้องอยู่คนเดียว จะรู้สึกเหงาจับจิตจับใจ กระวนกระวายไม่มีความสุข ต้องพยายามโทรศัพท์หาเพื่อน พอได้พบได้พูดคุยกับเพื่อนแล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น หากเป็นเช่นนี้ เราคงต้องใช้ชีวิตโดยพึ่งพาผู้อื่นอยู่เสมอ ขาดความเป็นตัวของตัวเอง อาจทำให้เพื่อนรำคาญและสิ้นเปลืองค่าโทรศัพท์ดังนั้น หากคนขี้เหงาทั้งหลายอยากปรับปรุงตัวเอง ก็สามารถทำได้โดย
- ฝึกที่จะอยู่กับตัวเองตนเองให้มากขึ้น อาจลองหางานอดิเรกที่ชอบทำ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูรายการโทรทัศน์ที่ชอบ และลองสำรวจความรู้สึกของตัวเองดูว่าเป็นอย่างไรทนได้หรือไม่
- หากิจกรรมที่เป็นประโยชน์และได้ออกกำลังทำเช่น ทำงานบ้าน กวาดบ้าน ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง ปลูกต้นไม้ ตกแต่งบ้าน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เราได้ใช้เวลาที่มีอยู่ อย่างได้ประโยชน์ และไม่มีเวลามานั่งคิด นั่งเหงา แถมบ้านเรือนยังสะอาด สวยงามอีกด้วย
- กำหนดระยะเวลาในการโทรศัพท์หาเพื่อนกำหนดว่าแต่ละวันจะโทร...หาเพื่อนไม่เกินกี่ครั้ง และใช้เวลาโทร...ครั้งละเท่าไร และพยายามทำตามที่ตั้งใจไว้แล้วก็ทำตามที่ตั้งใจไว้ จากนั้นพยายามลดเวลาลง จนเหลือเท่าที่จำเป็นวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีที่ช่วยให้เราคลายความเหงาและเพิ่มความเป็นตัวของตัวเอง ลองเลือกลองนำไปใช้ แล้วเราจะรู้ว่าอยู่คนเดียวมันไม่น่ากลัวหรือเสียหายตรงไหน

7 วิธีฉลองวาเลนไทน์แบบสาวโสด



ถ้าไม่อยากเห็นบรรยากาศดอกกุหลาบบานสะพรั่งทั้งแดงทั้งชมพู ทนบาดตาบาดใจไม่ได้ ให้เดินทางท่องเที่ยวไปที่ไหนก็ได้ ยิ่งไกลยิ่งดี แต่ถ้าทำไม่ได้ต้องมานั่งจุมปุ๊กอยู่กับบ้าน ลองใช้วิธีเหล่านี้ดู เพื่อให้ชีวิตโสดรอดพ้นวันวาเลนไทน์ได้อย่างสง่างาม
1. ฉลองในหมู่เพื่อนฝูง บางคนแค่เห็นขนมหรือสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำเป็นรูปหัวใจในวันวาเลนไทน์ก็พาลจะจับไข้ซะแล้ว ลองชวนเพื่อนร่วมงานไปกินอาหารกลางวันประเภทที่ไม่บ้าตามเทศกาลกับเขาด้วย พยายามกินให้อิ่มทั้งของคาวของหวาน อารมณ์จะได้ไม่เสียกลายเป็นโมโหหิว หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่บ้านเสียเลย เชิญเพื่อนมาเยอะๆ โดยเฉพาะเพื่อนที่เป็นสาวโสดด้วยกันยิ่งดี จะได้ฉลองกันให้ระเบิดเถิดเทิงไปเลย
2. เอาใจใส่ตัวเองให้มากหน่อย ช็อกโกแล็ตวาเลนไทน์ก็อร่อยดี แต่ทำไมไม่ลองทำอะไรดีๆให้ตัวเอง เช่น ไปนวดหน้านวดตัว ทำเล็บ หรือสวมชุดแดงสวยเริ่ดเชิ่ดใส่ เวลาเราสวยเราจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาทำปากหวานใส่ก็ได้เนอะ
3. มอบความรักผ่านตัวอักษร ลองใช้เวลาส่งมอบความรักด้วยการส่งการ์ดถึงวงศาคณาญาติ รวมทั้งหลานเหลนตัวเล็กตัวน้อยส่งให้หมด เขาอาจจะคิดว่าเราเพี้ยน แต่เป็นความเพี้ยนที่น่ารักนะ
4. มองโลกในแง่ดี ทำใจเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ คิดซะว่านี่คือเทศกาลหนึ่งเหมือนวันแม่ วันฮัลโลวีน วันคริสต์มาสหรือวันสงกรานต์ก็ได้ ถ้าคุณมีชีวิตรอดผ่านวันครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาคนนั้น ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว แค่วันวาเลนไทน์ทำไมจะผ่านมันไปไม่ได้…ใช่ไหมคะ
5. กระจายความรัก ลองมอบความรักให้กับคนที่ด้อยโอกาส หรือคนที่ไม่มีใครเหลียวแล ถ้าปีนี้เราต้องอยู่คนเดียวแบบโฮมอะโลน ลองเอาขนมนมเนยไปมอบตามบ้านเด็กกำพร้าหรือบ้านพักคนชรา นอกจากจะทำให้จิตใจอ่อนโยนมีเมตตาแล้ว ยังได้เพื่อนใหม่ ใครจะไปรู้ เราอาจถูกคุณปู่วัย 90 ขอแต่งงานก็ได้ หรืออย่างน้อยที่สุดเราก็ได้รับรอยยิ้มจริงใจจากคนวัยคราวพ่อคราวแม่ซึ่งเอ็นดูเราอย่างที่สุด ได้บุญแล้วยังอิ่มอกอิ่มใจอีกด้วย
6. พักสักวันเถอะ ลางานมันเสียเลย ไม่ไปทำงานแค่วันเดียวมันจะเป็นไรไป ออกไปเช่าวีดิโอหนังเจ๋งๆสัก 2-3 เรื่อง เชิญเพื่อนฝูงมาเฮฮาปาร์ตี้เป็นคืนเฉพาะสาวๆเท่านั้น ถ้าปรากฎว่าเพื่อนทั้งฝูงล้วนแล้วแต่เป็นสาวโสดไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็เฮฮาให้มันส์ระเบิด ขอให้คืนนี้เป็นคืนของค้างคาวสาวอาละวาดเท่านั้น แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันทำงานก็เพลาๆหน่อยนะคะ ไม่งั้นอาจเป็นโสดทั้งเรื่องผู้ชายและเรื่องงานก็ได้
7. อึดอัดนักก็ระบายออกเสียเลย จงปาวารณาตัวเป็นนักต่อต้านวาเลนไทน์ตัวยง สาธยายถึงความอยุติธรรมของเทศกาลนี้ เจอใครก็พยายามชี้แนะให้เขาเห็นถึงความไม่เข้าท่าและไม่เอาไหนของวาเลนไทน์ และบอกเล่าถึงข้อดีของการอยู่เป็นโสดรับผิดชอบตัวเอง เมื่อหักเหความคิดกลายเป็นอีกด้านไปเสียได้ เราจะรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่และมีความสำคัญขึ้นมาเชียวละ แทนที่จะมานั่งเศร้าหดหู่อยู่คนเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้น จุดสำคัญคืออย่าตัดสายสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อย่านั่งก่นเศร้าหงอยเหงากับตัวเอง อย่าเมาหัวราน้ำ เท่านี้วาเลนไทน์ก็จะกลายเป็นแค่วันหนึ่ง พิเศษก็แค่คนต้องซื้อกุหลาบแพงหูฉี่กว่าปกติเท่านั้นเอง

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

7 สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด



7 สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

ใครที่รู้สึกว่าสมองอ่อนล้า เฉื่อยชา และความจำถดถอย เรามีวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำให้กับสมอง เพราะจากผลการวิจัยบอกว่ายิ่งทำได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อสมองของเรา
1. บริหารสมองอยู่เสมอยิ่งเราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่ เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย วิธีบริหารสมอง เช่น การเล่นหมากฮอส ต่อจิ๊กซอว์ หรือเล่นครอสเวิร์ดในเวลาว่าง
2. กินยาเสริมความจำมีผลการวิจัยยืนยันว่าหลังจากการกินโสมในปริมาณ 400 มิลลิกรัมไปแล้ว 1 ชั่วโมง จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้นและส่งผลต่อไปอีกถึง 6 ชั่วโมง แปะก๊วยก็มีการยืนยันว่าส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในอเมริกาพบว่า Vinpocetine ที่สกัดได้ขากต้น Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีดอกสีฟ้า ใบเข้มเป็นมัน) นั้นจะช่วยเพิ่มความจำและความจดจ่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้นได้
3. กินผักและผลไม้สดเนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผักและผลไม้สดจะไปทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากการสะสมเป็นเวลานอนของเนื้อเยื่อไขมันอันจะทำให้สมองอ่อนแอลง และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ อาทิ ผมไม้ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า Anthocyanidin
4. ลดปริมาณแอลกอฮอล์เพราะจะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมองโดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้างความจำใหม่ ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ ตัวเลข และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านี้ ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ณ์หรือเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย
5. ออกกำลังกายขณะที่ร่างกายของเราเคลื่อนไหวนั้นสมองจะได้รับเลือดมากเป็นพิเศษซึ่งนั่นหมายถึงว่าสมองจะได้รับกลูโคสและออกซิเจนมากขึ้นทำให้สมองแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้การออกกำลังกายยังไปเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมองที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor) ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย แต่การออกกำลังกายที่หักโหมเกินไปกลับไม่เกิดประโยชน์ต่อระบบความจำ
6. จดบันทึกช่วยจำเพราะโดยธรรมชาติของสมองเรานั้นเมื่อจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตรงหน้า ความสามารถในการจดจำสิ่งอื่นก็จะลดลง ฉะนั้นการย้ายข้อมูลจากสมองมาเก็บไว้ในสมุดบันทึกอย่างคอมพิวเตอร์ ปาล์ม หรือโทรศัพท์มือถือ ก็เหมือสเป็นการช่วยลดความหนาแน่นของข้อมูลหรือเพิ่มพื้นที่ว่างในสมองเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
7. ทำสมาธิสมองของคนเรานั้นทำงานที่ความถี่หรือคลื่นสมองที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำหรือคิดอยู่ ภายใต้ความเครียดที่เกิดขึ้น คลื่นเบต้าของสมองจะทำงานเร็วขึ้นซึ่งจะส่งผลให้สมองลืมสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ฉะนั้นเราควรคิดให้ช้าลง โดยการทำสมาธิ หลับตาลงช้าๆ หายใจเข้าเบาๆ ช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ปลายจมูก จากนั้นหายใจออกช้าๆ โดยตั้งสติอยู่ที่ช่องจมูกทางขวา จากนั้นหายใจเข้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เวลาผ่อนลมหายใจออกให้ตั้งสติที่ช่องจมูกทางซ้าย ทำเช่นนี้สลับกันประมาณ 10 นาที ทุกวันรับรองว่าสมองตื้อๆ ตันๆ จะกลับมาโล่งโปร่งใสเหมือนเดิม

นิยามรัก




นิยามความรัก
จะรักใคร ถามใจตัวเองก่อนว่า Do you belive in love?
ต้นไม้อยู่ไม่ได้ ถ้าขาดน้ำ
นกอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดฟ้า
มดอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดน้ำตาล
ฉันอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดเธอ
รักคือ...ความซื่อสัตย์ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ก้อคงไปด้วยกันไม่ได้
รักคือ...ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจกันก็จะทำให้ทะเลาะกัน
รักคือ...อิสระ ถ้าเราไม่หั้ยอิสระกับคนที่เรารัก คนที่เรารักเขาก็จะไม่รักเรา
รักคือ...บุพเพสันนิวาต พอหลายคนชอบคิดแบบนั้น
รักคือ...การเสียสละ ถ้าเราเสียสละแล้วทำให้เขามีความสุขก็ต้องเสียสละ
รักคือ...การให้ ให้ในสิ่งที่เราคิดว่ามีเขาความสุข

รักแท้ คือพ่อแม่
รักไม่แน่ คือผู้ชาย
รักไม่ได้ คือกระเทย
นี่เหละคือนิยามความรัก
รักคือ มองไม่เห็น ส้มผัสได้ด้วยใจและตัวเอง คนที่เคยมีความรักเหมือนโลกเป็นสีชมพู รักดีอยู่บ้างทำให้เรามีลมหายใจอยู่มีชีวิตชีวาขึ้นมา แต่มีเรื่องไม่สบายใจขึ้นมาล่ะก็ เจ็บปวดและไม่อยากมีรักเลยหละ แต่มันก็สายเกินไปที่จะไม่มีรักเพราะทุกชีวิตต้องมีคนรัก จริงๆๆๆ รักคือ ความสุขที่หาอะไรมาวัดก็ไม่รู้ว่ารักมากแค่ไหน และคือความจำเป็นของคนๆ 1 ที่ได้รู้ว่ารักมาจากไหน เราไม่สามารถหาว่าตัวตนของคำว่ารัก ว่าผู้คิดค้นคือใคร แต่เราเป็นผู้ค้นมันเอง
รัก.......................แท้..เป็น..................ตำนาน
รัก............. สิ้นลมปราน..เป็น.......บทประพันธ์
รัก....................... ไม่แปรผัน..เป็น.........นิยาย
รัก...................... จนวันตาย..เป็น.........นิทาน
รัก....................... ตลอดกาล..เป็น.........ละคร
รัก............. อยู่ทุกตอน..เป็น.........ละครน้ำเน่า
รัก............. ไม่เคยเก่า..เป็น.........จริงช่วงแรก
รัก..................... ในความแปลก..เป็น....คำฮิต
รัก........................ ด้วยชีวิต..เป็น...........ลิเก
รัก..................ไม่โลเล..เป็น.............ความฝัน
รัก................. เธอนิรันด์..เป็น..........ชื่อเพลง
รัก............... นะตัวเอง..เป็น...........เด็กอมมือ
รัก....................ซื่อสัตย์..เป็น.............คำลวง
รัก............. หมดทรวง..เป็น..........คำติดปาก
รัก................... เธอมาก..เป็น.............คำฮอต
รัก...... เดียวตลอด..เป็น........ไปไม่ได้.......!!!!!

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ความประทับใจเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยบูรพา











สวัสดีค่ะทุกๆคน


ดิฉันเป็นนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ สาขา การสอนคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วันที่ 26 พฤษภาคม 2550 เป็นวันที่ฉันก้าวเข้ามาอยู่ใน ม.บูรพาอย่างเต็มตัว
วันแรกฉันก็คิดว่าฉันจะอยู่ที่นี่ได้มั้ยเพราะมันช่างห่างไกลจากบ้านและพ่อแม่ของฉันมากเหลือเกินช่วงแรกฉันรู้สึกคิดถึงบ้าน และครอบครัวของฉันมากแต่พอได้ใช้ชีวิตอยูที่ม.บูรพาจริงๆแล้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่บรรยากาศดีมากๆเพราะเวลานั่งเรียนอยู่ในห้องมองออกไปนอกห้องก็จะเห็นทะเลสวย และภูเขาสีเขียวทำให้รู้สึกสบายหูสบายตาพื้นที่ของมหาวิทยาลัยก็ใหญ่โตกว้างขวางมีรถ 2 บาทที่ให้บริการนิสิตเวลาไปเรียน มีหอพักภายในมหาวิทยาลัยให้นิสิตพักเพื่อให้สะดวกสบายเวลาไปเรียน นี่คือความประทับใจที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในมหาวิทยาลัยบูรพา
และอีกอย่างที่ฉันประทับใจมากๆก็คือความมีน้ำใจของพี่ๆเพื่อนในคณะศึกษาศาสตร์ของฉัน พี่ๆจะให้ความรัก ความห่วงใยและเอาใจใส่น้องๆเป็นอย่างดีคือ เค้าจะมีการรับน้อง มีว๊าก มีเข้าเชียร์ ตอนแรกฉันก็รู้สึกว่าไม่ชอบเลยทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยต้องมาโดนพี่ว๊าก ร้องเพลงเชียร์ ฉันรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมาก แต่มันก็ทำให้ฉันได้รู้จักับเพื่อนๆที่อยู่เอกอื่นๆนอกจากเอก คณิตศาสตร์ของฉันจนทำให้ฉันลืมความน่าเบื่อไปเลยตรงกันข้ามกิจกรรมที่พี่ๆเค้าจัดให้นั้นมีแต่ความสนุกสนานมากพี่ๆเค้าก็จะเอาข้าวเอาขนมมาเทคเวลาที่น้องๆทำกิจกรรม ช่วงเทคของจะเป็นช่วงที่ฉันและเพื่อนๆจะมีความสุขมาก รุ่นพี่จะคอยให้คำปรึกษาน้องเวลาที่น้องมีปํญหาเสมอ นิสิตในมหาวิทยาลัยบูรพาจะอยู่กันแบบพี่น้องครอบครัวเดียวกันนี่แหละคือความประทับใจเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยบูรพา
ฉันอยากจะบอกว่าฉันดีใจมากที่ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยบูรพาแห่งนี้